การดำเนินงานปลูกชาน้ำมัน
ปี พ.ศ.2551 ดำเนินการดูแลต้นชาในพื้นที่โครงการฯ ที่ได้ลงปลูกไว้แล้วตั้งแต่ปี 2549 และมีการปลูกซ่อมต้นชาที่เกิดโรค ไม่เจริญเติบโต และมีศัตรูพืชรบกวน ในพื้นที่ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
ที่ พื้นที่ปลูก ขนาดพื้นที่ (ไร่) จำนวน (ต้น)
1 พื้นที่บริเวณเนินปางมะหัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย 1,407 374,352
2 พื้นที่ในโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย และพื้นที่ใกล้เคียง 233 39,430
3 พื้นที่บริเวณแม้หม้อ ปูนะ จะตี จังหวัดเชียงราย 2,010 534,660
4 พื้นที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (โป่งน้อย) อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ 9 1,602
5 พื้นที่แปลงชาน้ำมัน บ้านโปง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ 15 2,200
6 พื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา 8 2,046
7 พื้นที่บริเวณสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ฯ 1 88 รวมทั้งสิ้น 3,683 954,378
8. ศึกษาวิจัยประโยชน์อื่นๆ ของต้นชาน้ำมัน เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสำอางค์ เป็นต้น
-
ผลิตน้ำมันคุณภาพสูงสำหรับบริโภคจากเมล็ดชาน้ำมันและพืชน้ำมันอื่นๆ ที่มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับการบริโภคเพื่อสุขภาพ เช่น มะรุม งา ทานตะวัน ฟักทอง ผักน้ำมัน และดอกคำฝอย
-
ผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมัน รวมถึงผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มที่สกัดจากพืชน้ำมันต่างๆ
-
รวบรวม ศึกษา และทดสอบประโยชน์สูงสุดของพืชน้ำมันต่างๆ ที่สามารถนำมาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันได้
-
ให้ความรู้เรื่องพืชน้ำมัน คุณสมบัติ และกระบวนการผลิตน้ำมัน
13. จัดสรรพื้นที่โดยรอบศูนย์วิจัยฯ ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และแหล่งท่องเที่ยว
พื้นที่ปลูกชาน้ำมัน

มูลนิธิชัยพัฒนาร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงได้ดำเนินการศึกษาและ พัฒนาการปลูกต้นชาน้ำมัน ตั้งแต่ปี 2548 โดยนำเมล็ดพันธุ์และต้นอ่อนของต้นชาน้ำมันจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาทดลอง ปลูกในพื้นที่กว่า 4,000 ไร่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 500 เมตร แถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย รวม 7 แห่ง เช่น บริเวณพื้นที่โครงการดอยตุง พื้นที่บ้านปางมะหัน และบ้านปูนะ จังหวัดเชียงราย
ต้นชาน้ำมัน

ต้นชาน้ำมันมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Camellia Oleifera Abel, Theaceae เป็นพืชในสกุล Camellia เช่นเดียวกับชาที่ใช้ในชงดื่ม (Camellia Sinensis) แต่เป็นคนละสายพันธุ์กัน ต้นชาน้ำมันนี้มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า Oil-seed Camellia, Tea Oil Camellia, หรือ Lushan Snow Camellia เป็นไม้เศรษฐกิจซึ่งพบแพร่หลายทางตอนใต้ของประเทศจีน ผลชาสีเขียวมีลักษณะกลม ขนาดเท่าลูกมะนาว เมื่อผลแก่เปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแห้งแตกออก ภายในเปลือกจะเต็มไปด้วยเมล็ดชาสีน้ำตาลเข้มถึงดำ
คุณสมบัติของน้ำมันเมล็ดชา

น้ำมันเมล็ดชาเป็นที่รู้จักในประเทศจีนนานกว่า 1,000 ปีมาแล้ว มีประโยชน์มากมายจนได้ชื่อว่าเป็น น้ำมันมะกอกแห่งโลกตะวันออก เนื่องจากมีองค์ประกอบของไขมันที่ดีต่อร่างกายไม่ด้อยไปกว่าน้ำมันมะกอก และไม่มีกรดไขมันทรานส์ ซี่งทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเอ ดี อี และเคได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้น้ำมันชายังมีกรดไขมันอิ่มตัวซึ่งไม่ดีต่อร่างกายต่ำ ในขณะที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวหรือกรดโอเลอิก (กรดโอเมก้า 9) สูงถึงประมาณ 87-81% กรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (กรดโอเมก้า 6) ประมาณ 13-28% และ กรดแอลฟาไลโนเลอิก (กรดโอเมก้า 3) ประมาณ 1-3% กรดไขมันไม่อิ่มตัวเหล่านี้สามารถช่วยลดระดับ LDL (คลอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี) และเพิ่มระดับ HDL (คลอเรสเตอรอลชนิดดี) ในร่างกาย ป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดตีบตัน โรคอัมพาต โรคความดัน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจได้ จึงดีต่อสุขภาพของผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุ
นอกจากน้ำมันชาจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์สูงอย่างวิตามินอี และสารคาเทชิน ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของน้ำมันให้นานขึ้น น้ำมันชายังมีจุดเดือดเป็นควันสูงถึง 252 องศาเซลเซียส (486 ฟาเรนไฮต์) ทำให้สามารถประกอบอาหารได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทอดหรือการผัดในอุณหภูมิที่ไม่สูงมากนัก หรือเป็นส่วนผสมของน้ำสลัดหรือซอสหมักเนื้อสัตว์
ประโยชน์อื่นๆ ของน้ำมันชา
นอกจากจะใช้ในการบริโภคและประกอบอาหารแล้ว น้ำมันชายังสามารถนำไปผลิตเป็นเครื่องสำอางค์บำรุงเส้นผมและผิวพรรณต่างๆ เช่น ครีมและโลชั่นบำรุงผิว ครีมกันแดด สบู่ ยาสระผม หรือผสมกับน้ำมันหอมระเหย
จากการวิจัยน้ำมันจากเมล็ดชาเพื่อประโยชน์ทางเครื่องสำอางพบว่า โลชั่นที่ผสมน้ำมันชา 5% และ 10% ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่น รวมถึงลดความหยาบกร้านและริ้วรอยบนผิวของผิวอาสาสมัครได้ใน 8 สัปดาห์ รวมถึงได้รับการยอมรับจากอาสาสมัครในระดับที่น่าพอใจ โดยประสิทธิภาพที่ได้จะใกล้เคียงกับน้ำมันแร่
กากเมล็ดชา (Tea seed meal) ที่ได้จากการหีบน้ำมันออกแล้วจะมีลักษณะเป็นแผ่นแบน (Tea seed cake) มีสารซาโปนินส์ประมาณ 11-18% เป็นส่วนประกอบ สารตัวนี้สามารถนำไปใช้เป็นสารลดแรงตึงผิวและทำให้เกิดฟอง ใช้ในผลิตน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ รวมถึงน้ำยากำจัดศัตรูพืช หอยเชอรี่ในนาข้าว และปลาในบ่อกุ้ง ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการนำเข้ากากเมล็ดชาจากประเทศจีน
|